นักท่องเวลา

IconNameRarityFamily
นักท่องเวลา (I)
นักท่องเวลา (I)3
RarstrRarstrRarstr
Book, นักท่องเวลา
นักท่องเวลา (II)
นักท่องเวลา (II)3
RarstrRarstrRarstr
Book, นักท่องเวลา
นักท่องเวลา (III)
นักท่องเวลา (III)3
RarstrRarstrRarstr
Book, นักท่องเวลา
items per Page
PrevNext
Table of Content
นักท่องเวลา (I)
นักท่องเวลา (II)
นักท่องเวลา (III)

นักท่องเวลา (I)

นักท่องเวลา (I)
นักท่องเวลา (I)Nameนักท่องเวลา (I)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, นักท่องเวลา
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionนวนิยายแฟนตาซีของศูนย์วิทยาศาสตร์ Fontaine ซึ่งตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ The Steambird บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาของวิศวกรที่ใช้ไทม์แมชชีน
นั่นเป็นเรื่องที่ผ่านมานานหลายปีแล้ว หลังจากงานเลี้ยงอาหารค่ำเลิกรา คุณ Aviva (ที่ตอนนี้เป็นมาดาม Nenonen) กำลังบ่นกับพวกเราถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีที่รวดเร็วเกินไปด้วยน้ำเสียงดึงดราม่าอย่างเคย ถึงแม้ความรู้เกี่ยวกับวิศวกรรมของหล่อนจะด้อยกว่าคุณภาพดินบนเกาะ Watatsumi ก็ตาม (แน่นอนว่าหล่อนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอย่างหลังเช่นกัน) แต่ในตอนนั้นการบอกว่าตัวเองมีความสนใจในวิศวกรรมศาสตร์ท่ามกลางกลุ่มสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีการอ้างว่ามีความสนใจในด้านวิศวกรรมถือแฟชั่นอย่างหนึ่ง

"เมื่อหลายพันปีก่อน บรรพบุรุษของเราได้พิชิตดินแดนแห่งนี้" หล่อนกระแอมในลำคอ และขยับพัดอันวิจิตรงดงามที่ประดับด้วยขนนกยูงและไพลินที่หรูหราเบา ๆ พยายามแสดงสีหน้าให้ตัวเองดูโศกเศร้าที่สุด "หลายร้อยปีก่อน เป็นอีกครั้งที่พวกเขาได้ใช้อุปกรณ์ดำน้ำรุ่นใหม่พิชิตมหาสมุทรได้อย่างง่ายดาย บัดนี้ มีสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีผู้สูงศักดิ์บางท่านบังเกิดความคิดที่อยากจะหลุดพ้นจากพันธนาการของพื้นดิน ด้วยการใช้สิ่งที่เรียกว่า 'เครื่องวัดแรงโน้มถ่วง' เพื่อพิชิตท้องฟ้า... และความคิดของพวกเขา เกรงว่าจะกลายเป็นความจริงได้ในอีกไม่ช้า"

"ใช่แล้ว เป็นอย่างที่คุณพูด มนุษย์... เป็นสิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยปัญญาที่ฉลาดหลักแหลม! ไม่ว่าจะเวลาไหน พวกเขามักจะใช้ความพยายามที่เหนือจินตนาการ มาเปลี่ยนแปลงสภาพการดำรงชีวิตของตัวเองอยู่เสมอ" บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ The Steambird แสดงความคิดเห็นทันทีว่า "ในความเป็นจริง ถ้าเราวิเคราะห์เฉพาะ... ความหมายทางวิศวกรรมเครื่องกลและทฤษฎี... ไม่ใช่ในแง่มุมอื่น มนุษย์แทบจะมีฐานะเทียบเท่ากับผู้สร้าง เพราะพวกเขาใช้ปัญญาที่ชาญฉลาดของตัวเองพิชิตพื้นที่ส่วนใหญ่ของธรรมชาติได้จำนวนมาก พวกเขาสามารถสร้างรูปลักษณ์ของโลกใบนี้ขึ้นมาใหม่ด้วยเจตจำนงที่มุ่งมั่น"

"เฮ้อ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการจะสื่อ" คุณ Aviva ถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ในดินแดนอันไกลโพ้นและมืดมิดเหล่านั้น ซากปรักหักพังโบราณที่ซ่อนอยู่ใต้ทะเลเหล่านั้น... การสำรวจและบุกเบิกที่โรแมนติกทั้งหมดเหล่านั้น ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งโรจน์ของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเหตุผลของพวกเรานั้น แทบจะตัดขาดกับยุคอารยธรรมของพวกเราโดยสิ้นเชิงแล้ว บรรพบุรุษของเราได้สร้างผลงานที่น่าอัศจรรย์ให้เป็นจริงเอาไว้มากมาย แต่กลับไม่เหลือพื้นที่ให้พวกเราได้สำรวจและพิชิตเลย สำหรับสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีที่เกิดมาก็ปรารถนาจะสำรวจในสิ่งที่ไม่รู้เหล่านั้นแล้ว ยังมีสิ่งใดทุกข์ทรมานยิ่งไปกว่านี้อีกเหรอ?"

หล่อนบีบเสียงและแสร้งทำเป็นอ้างอิงคำพูดของพระราชา Argeadai ในตำนาน ราวกับการทำแบบนี้จะแสดงให้เห็นว่าหล่อนเป็นทุกข์ใจกับความคิดนี้อย่างมาก แต่ว่าคนที่อยู่ในงานล้วนนั่งดูด้วยความเบื่อหน่าย แต่ยังคงพยักหน้าอย่างมีมารยาท มาดาม Elle หาวเบา ๆ

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบรับ ความฮึกเหิมของคุณ Aviva ก็ลดลง และเปลี่ยนหัวข้อเป็นเรื่องงานเต้นรำในสัปดาห์หน้า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าหัวข้อนี้น่าสนใจกว่ามาก ทำให้บรรยากาศที่เงียบเชียบเริ่มกลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้ง ลอร์ด Ratar กำลังจะเล่าตำนานที่เกี่ยวกับหอสูง ผู้ใช้มนตรา และลูกแก้วที่เคยได้ยินตอนอยู่ที่ Sumeru ให้พวกเราฟัง แต่ก่อนที่เขาจะได้เริ่มเล่า คุณ Ciric ที่ปิดปากเงียบมาตลอดก็ได้พูดแทรกขึ้นมา

"คุณ Aviva เรื่องที่คุณพูดมาเมื่อกี้น่าประทับใจจริง ๆ" เขาจุดบุหรี่หนึ่งมวน "แต่คุณไม่ต้องกลุ้มใจไปหรอก เพราะบนโลกใบนี้ยังอีกมิติพื้นที่หนึ่งที่ยังไม่ถูกมนุษย์พิชิต... และหากขาดเทคนิคที่จำเป็น บางทีมนุษย์อาจจะพิชิตมันไม่ได้ไปตลอดกาล"

"ที่ไหนกัน?" ลอร์ดถามด้วยสีหน้าขุ่นเคือง เดิมทีเขามีความมั่นใจต่อเรื่องราวเกี่ยวกับวานรนั้นมาก

"เวลา"

ภายในห้องเงียบลงทันที และในวินาทีต่อมาทุกคนต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาจนท้องคัดท้องแข็ง

"เป็นเรื่องเล่าที่แปลกไร้ความเกี่ยวโยงเอาซะเลย!" ดร. Reinier พยายามกลั้นหัวเราะ "อย่างแรกคือ เวลาจะเป็นส่วนหนึ่งของมิติได้ยังไงล่ะ?"

"คุณสามารถแยกตัวออกจากกาลเวลา และดำรงอยู่เพียงลำพังในมิติได้เหรอ?"

"หมายความว่ายังไง?"

"ตอนนี้คุณยังคุยกับฉันอยู่ตรงนี้ แต่ในเสี้ยววินาทีต่อมา... คุณกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย มันจะเป็นไปได้รึเปล่า?" เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ราวกับกำลังรอให้คนอื่นได้ครุ่นคิด "เห็นได้ชัดว่าคนที่มีความคิดที่ลึกซึ้งต่างก็รู้ดี เวลาก็เป็นมิติหนึ่งของพื้นที่เหมือนกับความยาว ความกว้างและความสูง ดังนั้นเวลา... จึงเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่... จึงสามารถถูกพิชิตได้"

"ไร้เหตุผลสิ้นดี..." ดร. บ่นอุบอิบเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร

"ฉันศึกษาเรื่องนี้มานานแล้ว" เขาพูดต่อ "ฉันได้คิดเครื่องจักรชนิดหนึ่งที่จะพามนุษย์เดินทางข้ามเวลาได้ตามต้องการ น่าจะอีกสองเดือนหลังจากนี้ เครื่องจักรตัวนี้ก็น่าจะสร้างเสร็จแล้ว เมื่อถึงตอนนั้น ฉันขอเชิญคุณ Aviva และท่านสุภาพบุรุษ และสุภาพสตรีในที่แห่งนี้ทุกท่านไปที่เวิร์กชอปของฉัน เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานในผลงานที่ยิ่งใหญ่อีกหนึ่งอย่างของมวลมนุษยชาติ... นั่นคือการพิชิตกาลเวลา"

คุณ Aviva นิ่งเงียบ ในความเป็นจริงแล้ว วิเคราะห์จากสีหน้าของหล่อนแล้ว เพื่อนที่เกิดในตระกูลสูงศักดิ์ของเราคนนี้คงไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณ Ciric พูดเลยแม้แต่น้อย

นักท่องเวลา (II)

นักท่องเวลา (II)
นักท่องเวลา (II)Nameนักท่องเวลา (II)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, นักท่องเวลา
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionนวนิยายแฟนตาซีของศูนย์วิทยาศาสตร์ Fontaine ซึ่งตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ The Steambird บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาของวิศวกรที่ใช้ไทม์แมชชีน
สองเดือนต่อมา พวกเรา... บรรณาธิการหนังสือพิมพ์ The Steambird หมอ คุณ Revilo Oliver และคนอื่น ๆ ไม่กี่คนที่ได้เข้าร่วมงานเลี้ยงในวันนั้น... ต่างก็มาที่เวิร์กชอปของ Ciric ตามนัดหมาย แต่คุณ Aviva ไม่ได้มา เพราะหล่อนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เห็นได้ชัดว่าการไปร่วมงานเต้นรำของสโมสร Caritat นั้นน่าสนใจกว่ามาก

ที่น่าตกใจก็คือ เมื่อเทียบกับสองเดือนก่อน Ciric ดูแก่ลงไปมาก และดูโทรมมากด้วย ภายใต้แสงไฟสลัว ใบหน้าที่เคยกระตือรือร้นและเย่อหยิ่ง กลับดูเย็นชาและเคร่งขรึม เกือบจะเหมือนนักบวชที่บำเพ็ญทุกรกิริยาจนผอมแห้งใน Sumeru เหล่านั้น

เขาเชิญพวกเรานั่งด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

"ว่าแต่แผนการพิชิตกาลเวลาของคุณคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?" บรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ The Steambird ถามขึ้น "แล้วไทม์แมชชีนที่คุณพูดถึงอยู่ที่ไหนล่ะ?"

Ciric ไม่ได้ตอบ แต่ชี้ไปทางโต๊ะหนังสือข้าง ๆ พวกเรามองไปตามทิศทางที่เขาชี้ ตรงกลางโต๊ะเป็นโมเดลเรือเหาะรูปวาฬชุบทองหนึ่งอัน มีขนาดใหญ่ประมาณนาฬิกาเรือนเล็ก แม้จะเป็นคนธรรมดาก็มองออกว่าการทำโมเดลอันนี้ผ่านการศึกษามาเป็นอย่างดี ภายใต้เปลือกนอกคริสตัลที่ใสกระจ่าง มีสีสัน และอสัณฐานที่ไม่สามารถระบุได้ กำลังเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ ส่องแสงสว่างอ่อนจาง ๆ อยู่ภายใต้เงาของโคมไฟ

"ถ้าอย่างนั้น" ดร. พูดขึ้น " คุณใช้เวลาสองเดือนสร้างของเล่นหนึ่งชิ้นที่แม้แต่ช่างฝีมือ Lepaute ยังต้องประหลาดใจงั้นเหรอ"

"มันดูไม่น่าสนใจจริง ๆ นั่นแหละ" Ciric เหลือบมองฉันด้วยแววตาที่ยากจะอธิบายความรู้สึก จนแทบจะบอกได้ว่าน่าสงสาร "นี่เป็นแค่การฉายภาพของมันในตอนนี้ ก็เหมือนกับการมองดูกระดาษหนึ่งแผ่นจากด้านข้าง ที่มองเห็นแค่เส้นบาง ๆ หนึ่งเส้น"

"พูดจาเหลวไหล"

ไม่รู้ทำไม Ciric ถึงไม่โต้แย้ง เพียงแต่ขอร้องพวกเราให้ฟังเขาเล่าสิ่งที่ตัวเองพบเจอตอนที่เดินทางข้ามกาลเวลาให้จบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ พวกเราตอบรับคำขอของเขา จากนั้นเขาก็เริ่มเล่าเรื่องราวที่ฉันบันทึกเอาไว้ข้างล่างนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีการตัดตอน

สำหรับพวกคุณ ครั้งแรกที่ฉันบอกพวกคุณเรื่องไทม์แมชชีนน่าจะเป็นเมื่อสองเดือนก่อน เช่นเดียวกัน สำหรับพวกคุณแล้ว ฉันน่าจะสร้างเครื่องจักรตัวนี้สำเร็จเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และตัดสินใจขึ้นไปบนนั้นเพื่อเริ่มการเดินทางสู่กาลเวลาครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ

ฉันไม่สามารถใช้คำพูดอธิบายความรู้สึกที่แปลกประหลาดต่าง ๆ ในขณะเดินทางข้ามกาลเวลา ก็เหมือนการที่ไม่สามารถใช้คำพูดอธิบายให้คนตาบอดรู้ว่าแสงของดวงดาวนั้นสว่างไสวเพียงใด หลังจากนั้นประมาณ 20 นาที... ถึงแม้ว่าการอธิบายการเดินทางข้ามเวลาโดยใช้เวลาเชิงอัตวิสัยนั้นค่อนข้างไร้ความหมาย... ตอนที่เครื่องกลไกหยุดการทำงานแล้ว ฉันมองไปรอบ ๆ แล้วพบว่าตัวเองอยู่ที่ตั้งถิ่นฐานของจักรวรรดิ Remuria เทวาลัยอันงดงามเหล่านั้นแกะสลักจากหินขนาดใหญ่มากพอที่จะทำให้โรงอุปรากร Epiclese ต้องรู้สึกอับอาย เมื่อเทียบกับการสร้างของปรมาจารย์ Alain Guillotin กับรูปปั้นอสูรที่อยู่ตามท้องถนนเหล่านั้นแล้ว แทบเรียกได้ว่าเป็นคนแคระที่มีพัฒนาผิดปกติเลยทีเดียว ขณะที่ฉันกำลังรู้สึกปลงตกนั้น ก็มีทหารของกองทัพลาดตระเวนพบเห็นฉันเข้า สำหรับพวกเขาแล้ว คนที่แต่งตัวแปลกประหลาดอย่างฉันต้องเป็นสายลับที่ชนเผ่าอนารยชนส่งมาแน่ พวกเขาจึงจับตัวฉันเอาไว้ และเรียกฉันว่าทาสชั้นต่ำ ผู้ต่ำทรามที่แอบอ้างว่านับถือเทพจอมปลอม ก็คิดจะจับฉันโยนลงไปในหลุมลึก เพื่อเป็นอาหารของงูพิษ

โชคดีที่เจ้าหน้าที่ปกครองพื้นที่... ที่ฉันได้รู้ทีหลังว่าเขาชื่อ Aidia Anavana... ที่รู้สึกได้ว่าฐานะของฉันไม่ธรรมดา จึงให้คนพาฉันมาส่งตรงหน้าเธอ เธอต้องอดทนฟังไวยากรณ์ที่ผิด ๆ ถูก ๆ และสำเนียงที่ย่ำแย่สุด ๆ ของฉัน (ตอนนั้นแม้แต่คำว่า "Remuria" ฉันก็ยังอ่านให้ถูกไม่ได้ พอออกเสียงจึงฟังคล้าย "Emuia" มากกว่า) เธอถามคำถามฉันมากมายและฉันก็ตอบเธอตามความจริง เพียงไม่นานเขาก็ยอมรับเรื่องที่ฉันมาจากอนาคตได้ และให้ฉันดูแผ่นหินที่พวกทาสเพิ่งขุดได้

นักท่องเวลา (III)

นักท่องเวลา (III)
นักท่องเวลา (III)Nameนักท่องเวลา (III)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, นักท่องเวลา
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionนวนิยายแฟนตาซีของศูนย์วิทยาศาสตร์ Fontaine ซึ่งตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์ The Steambird บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาของวิศวกรที่ใช้ไทม์แมชชีน
นั่นเป็นแผ่นหินทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสหนึ่งแผ่น ทุกบรรทัดและทุกแถวล้วนแกะสลักตัวอักษรเจ็ดตัวเท่ากัน... มันไม่ใช่ตัวหนังสือของ Remuria แต่เป็นตัวหนังสือที่เราใช้กันในปัจจุบัน ไม่ว่าจะอ่านด้วยวิธีหรือลำดับแบบไหน ข้อมูลที่ได้รับก็เหมือนกัน: ปริศนาที่ออกแบบอย่างตั้งใจ เป็นลำดับที่เกี่ยวพันกับสุนัข, พืชพรรณ, นกกระจอกมรกต, ฝนในฤดูร้อน, เสียงเพลงของกุหลาบ, ลวดลายของสมิงเครายาวและลวดลายหินผา ถึงฉันจะเป็นคนที่ชอบเกมเล่นคำศัพท์มาก แต่ปริศนาที่ไม่สิ้นสุดแบบนี้ก็ยังทำให้ฉันรู้สึกเวียนหัวอยู่ดี ไม่รู้ว่าทำไมฉันถึงรู้สึกว่าต้องไขปริศนานี้ให้ได้ ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ฉันใช้เวลาครึ่งปีเต็มในการร่วมมือกับ Aidia เพื่อถอดความมัน... กุญแจสำคัญของการถอดความอยู่ที่ชื่อของทาสคนหนึ่งที่ตายไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว และคำตอบของปริศนาก็คือเวลาหนึ่ง ซึ่งเป็นเวลาหลายร้อยปีต่อมาหลังจากจักรวรรดิล่มสลาย

ฉันบอกลา Aidia และขึ้นไปบนไทม์แมชชีนเพื่อมุ่งหน้าไปยังวันเวลานั้น โดยหวังว่าจะเจอความลับที่ซ่อนอยู่หลังแผ่นหิน ที่นั่น ฉันเจอนักล่าเงาหลายคน พวกเขาโชว์แผ่นหินอีกแผ่นให้ฉันดู บนแผ่นหินได้สลักตัวอักขระที่สมมาตร 49 ตัวเอาไว้บนนั้น เมื่อนำตัวอักษรเหล่านั้นมาประกอบกันก็จะได้ปริศนาอีกหนึ่งข้อ ซึ่งคำตอบของปริศนาในครั้งนี้คืออีกช่วงเวลาหนึ่ง ที่บ่งบอกถึงอนาคตอันไกลโพ้น

ฉันเดินทางไปในอดีตและอนาคตตามการชี้นำของแผ่นหินพวกนี้ ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ รวม 13 ครั้ง ปริศนาบนแผ่นหินแต่ละแผ่นล้วนไขปริศนาได้ยากกว่าแผ่นที่แล้ว เบาะแสในการถอดความจากปริศนาข้อหนึ่งมาจากนิยายรักเกรดต่ำที่ตีพิมพ์ใน 300 ปีต่อมา คำศัพท์ตัวที่ 5 ในหน้า 37 ของนิยายเล่มนั้นประกอบรวมเป็นชื่อจริงของเจ้าหน้าที่ในกรมการปกครองรหัส 375 เมื่อ 375 ปีก่อนพอดิบพอดี ส่วนเบาะแสในการถอดรหัสปริศนาอีกอัน ก็มาจากดอกไม้สีขาวที่บานสะพรั่งหลายพันปีต่อมา... ฉันไม่รู้ว่าดอกไม้นั้นชื่ออะไร มันมีวงเกสรเพศเมียที่แปลกมาก อาจจะเป็นจำพวกดอกชบาชนิดหนึ่ง ฉันเองก็ไม่แน่ใจ... ดอกไม้ชนิดนี้ใช้เสียงร้องของนกจาบฝนเป็นสารอาหาร ดังนั้นหนึ่งในเบาะแสก็คือจำนวนซี่โครงของนกจาบฝนที่อาศัยอยู่ในยุค Remuria โครงสร้างของปริศนาก็ประมาณนี้

แผ่นหินสุดท้ายมาจากห้องเก็บของใต้ดินของพิพิธภัณฑ์อนุสรณ์ Basil Elton บนนั้นไม่มีตัวอักษรอื่น มีแค่ตัวเลขเดียวคือ: 0

ฉันไม่รู้ว่าตอนนั้นตัวเองคิดอะไรอยู่... การตั้งจุดหมายปลายทางเป็น "0" เป็นการกระทำที่ไม่มีความหมายเลย... แต่ฉันก็ยังป้อนตัวเลขนั้นเข้าไปในไทม์แมชชีน และดึงคันบังคับ ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน เครื่องก็หยุดลงอีกครั้ง ฉันรู้สึกว่าตัวเองลอยอยู่เหนือมหาสมุทรแห่งหนึ่ง ที่ไร้กระแสคลื่น และไม่มีกระแสลม เพราะเวลานั้นขนาดกระแสลมยังไม่มี ท้องฟ้าที่ปกคลุมอยู่เหนือศีรษะฉันไม่ใช่สีฟ้าอีกต่อไป แต่เป็นสีแดงเข้มที่ยากจะพรรณนา มีดวงดาวสีขาวนับไม่ถ้วนที่อยู่ห่างไกลประดับอยู่บนนั้น ราวกับเกล็ดเกลือที่ปกคลุมอยู่บนชายฝั่ง

ฉันมองทะเลอันกว้างใหญ่ในยุคแรกเริ่มอยู่อย่างนั้นจนผ่านไปหลายนาที ถึงตระหนักได้ว่าภายใต้ผิวน้ำทะเลที่เงียบสงบมีเงาตะคุ่มของบางสิ่งบางอย่างซ่อนอยู่ มันคือพระราชวัง Mermonia ที่ไม่สมควรอยู่ที่นี่

ทันใดนั้น ฉันก็ได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของฉัน... เสียงนั้นพูดขึ้นว่า Neven Ciric เมื่อฉันหันไปมองก็เหมือนตัวเองกำลังส่องกระจก ฉันเห็นคนที่หน้าตาเหมือนกับฉันกำลังจ้องมองฉันเหมือนกับที่ฉันกำลังจ้องมองเขา

"Neven Ciric" เขาพูดต่อ "นายต้องการพิชิตกาลเวลา ที่ไม่มีใครพิชิตเวลาได้"

"นายเป็นคนทิ้งปริศนาพวกนั้นไว้ใช่มั้ย?"

"นายเป็นคนทิ้งปริศนาพวกนั้นไว้" เขาพูดคำถามของฉันซ้ำ ราวกับนี่คือการตอบคำถาม "ปริศนาเหล่านั้นคือส่วนหนึ่งของเวลา ทุกตัวอักษรที่ตรงกันก็คือเวลา"

"ดังนั้น... คำตอบสุดท้ายของเวลาคือ 0"

"0 ไม่ใช่คำตอบ แต่เป็นคำใบ้อีกข้อ เพราะคำตอบจะไม่ปรากฏในคำใบ้" เขาบอกต่อว่า "คำตอบของเวลาคือกระจก หรือจะพูดว่า คำตอบที่เข้าใจได้ง่ายที่สุดคือกระจก กระจกทั้งสองด้านหันหน้าเข้าหากัน แสงที่สะท้อนออกมาอย่างไม่สิ้นสุดก็คือเวลา แสงที่เบี่ยงเบน บรรจบ และขนานนับไม่ถ้วนก่อให้เกิดความสับสนที่เรียกว่าเวลา ไม่มีอดีตและไม่มีอนาคต เพราะอดีตก็คืออนาคต เมื่อนายยืนตรงตำแหน่งศูนย์ของเวลา และมองไปข้างหน้าผ่านรอยแยกระหว่างกระจกสองบาน เส้นแสงทั้งหมดล้วนอยู่ในแนวระนาบเดียวกัน ไม่มีแสงใดสามารถหลุดรอดไปจากในนี้ได้พระราชวัง Mermonia จมน้ำไปตั้งแต่ก่อนที่มันจะถูกสร้างขึ้นแล้ว และพระราชวัง Mermonia ที่จมน้ำก็จะถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง ความสุข ความโศกเศร้า น้ำตาและความตายจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ นับครั้งไม่ถ้วน เพราะนี่คือแก่นแท้ของกระจก นายไม่มีวันที่สามารถพิชิตกาลเวลาได้ ก็เหมือนกับที่นายไม่สามารถใช้มือเพื่อจับเงาของตัวเองได้"

อาจเพราะความกลัว หรือเพราะสับสนชั่วขณะ... เมื่อคำพูดสุดท้ายของเขาสิ้นเสียงลง ฉันก็ชักปืนคาบศิลาจ่อไปที่ศีรษะของเขาพร้อมกับเหนี่ยวไกปืน

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบงัน

"ฉันไม่หวังว่าพวกคุณจะเชื่อสิ่งที่ฉันพูด" Ciric ลุกขึ้นยืนและกวาดตามองมาที่พวกเรา "ให้คิดซะว่านี่เป็นเรื่องไร้สาระที่ฉันแต่งขึ้นมาเพื่อกลบเกลื่อนที่ตัวเองสร้างไทม์แมชชีนไม่ได้ก็แล้วกัน คิดซะว่ามันเป็นเรื่องงี่เง่า หรือเป็นความฝันที่เกิดจากความเพ้อเจ้อก็แล้วกัน ถ้างั้น... ขอตัวก่อนนะท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษทั้งหลาย ฉันต้องไปทิ้งปริศนาให้กับตัวฉันในอนาคตแล้วล่ะ"

จากนั้นฉันก็ไม่เจอ Ciric Neven อีกเลย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TopButton