ชุดนิทานห่านปีกหิมะ

IconNameRarityFamily
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)4
RarstrRarstrRarstrRarstr
Book, ชุดนิทานห่านปีกหิมะ
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)4
RarstrRarstrRarstrRarstr
Book, ชุดนิทานห่านปีกหิมะ
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)4
RarstrRarstrRarstrRarstr
Book, ชุดนิทานห่านปีกหิมะ
items per Page
PrevNext
Table of Content
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)

ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)

ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)Nameชุดนิทานห่านปีกหิมะ (I)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, ชุดนิทานห่านปีกหิมะ
RarityRaritystrRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionหนังสือนิทานเล่มเล็กที่ได้รับความนิยมใน Fontaine หน้าปกที่สวยงามนี้ทำให้เด็กหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าหนังสือเล่มนี้เขียนโดยมาดามห่านปีกหิมะผู้ใจดีในตำนานคนนั้น
เพนกวิน Pers

ตำนานเล่าว่า มีทะเลน้ำแข็งทางตอนใต้ที่มีนกเพนกวินอาศัยอยู่ในนั้น
เพนกวินเป็นกลุ่มสุภาพบุรุษและสุภาพสตรีอ้วนท้วน สวมชุดทักซิโด้สีดำทับร่างอวบอ้วนสีขาวตามธรรมชาติ แม้ว่ามันจะเดินเงอะงะไม่มั่นคงบนบก และไม่สามารถโบยบินบนอากาศได้ แต่เมื่อไหร่ที่โน้มตัวลงและใช้พุงกลม ๆ เป็นสเกตบอร์ด เหินข้ามน้ำแข็งแล้วกระโดดลงทะเล มันก็จะกลายเป็นนักว่ายน้ำที่มีทักษะสูงทันที ปีกที่หนาจะรองรับร่างกายอันเพรียวบาง ช่วยให้มันว่ายน้ำใต้ผิวทะเลได้อย่างราบรื่น
เด็กส่วนใหญ่ต่างรู้ความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับเพนกวินข้อนี้เป็นอย่างดี และเด็กหลายคนที่ชอบเพนกวินก็จะหวงแหนมันอย่างมาก
แต่สิ่งที่พวกเด็ก ๆ ไม่รู้นั่นคือ เพนกวินทุกตัวในโลกมาจากโลกภายนอกที่อยู่ไกลแสนไกล ครีบที่พัฒนาอย่างดีของพวกมันเคยถูกใช้ร่อนท่ามกลางดวงดาวในจักรวาล ฝูงนกเพนกวินก่อตัวเป็นขบวนการบินขนาดใหญ่ ร่างกายที่เปล่งประกายนั้นเคยสะท้อนแสงของดวงดาวมาก่อน - ตั้งแต่ดาวยักษ์แดงอายุน้อยไปจนถึงดาวแคระขาวสีฟ้าสดใสที่กำลังจะตาย ไม่ว่าจะเป็นแขนเกลียวของกลุ่มดาวนายพราน หรือประตู Tannhauser ที่ส่องสว่าง... เพนกวินจะจดจำทุกการเดินทางและทุกการสำรวจของพวกมันเสมอ
ต่อมา บางทีอาจเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นท่ามกลางหมู่ดาวอันแสนไกล หรืออาจเป็นเพียงการทะเลาะกันในครอบครัว... มีหลายครอบครัวที่แยกตัวจากฝูงเพนกวินบนท้องฟ้าอันเต็มไปด้วยดวงดาว และตกลงไปในทะเลน้ำแข็งทางตอนใต้ของทวีป Teyvat ดังนั้นพวกมันจึงกลายเป็นเพนกวินกลุ่มแรกของโลกนี้ เพนกวินสมัยนั้นไม่สามารถบินได้และว่ายน้ำไม่เป็น เพราะพวกมันได้สูญเสียความสามารถในการร่อนเวหากลางอากาศไปนับตั้งแต่ร่วงลงสู่ผืนดิน อีกทั้งความสามารถในการว่ายน้ำยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย... จนกระทั่งเพนกวิน Pers ในตำนาน ผู้เป็นนักว่ายน้ำเพนกวินคนแรกได้ถือกำเนิดขึ้น

Pers ในวัยเยาว์เคยคิดเช่นเดียวกับเพนกวินตัวน้อยหลายตัว ที่มองดูท้องฟ้ายามค่ำคืนอันมีดวงดาวระยิบระยับและท้องฟ้าสีครามว่า: "ถ้าฉันสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างอิสระเหมือนที่บรรพบุรุษของฉันทำ มันจะวิเศษแค่ไหนกันนะ!"

ดังนั้น Pers จึงตัดสินใจเรียนรู้วิธีที่จะบินสู่ท้องฟ้าอีกครั้ง
เพนกวิน Pers พบนกเรือรบที่ใหญ่ที่สุดเป็นตัวแรก นกเรือรบได้พูดว่า "ฮ่าฮ่าฮ่า ตอบยาก! เอาปลาทะเลมาให้ฉัน 30 ตัวก่อน แล้วฉันจะบอก!"
ดังนั้น Pers จึงใช้เวลาถึง 50 คืน เพื่อเก็บเปลือกหอย 300 อันบนชายหาดที่มีแสงจันทร์ส่องประกาย และนำไปแลกเป็นปลา 30 ตัวจากวาฬยักษ์ในทะเล
วันถัดไป นกเรือรบได้กลืนปลาทั้งหมด 30 ตัวลงไปในคำเดียว และบินจากไปอย่างพึงพอใจ พร้อมพูดอย่างเยาะเย้ยว่า: "เคล็ดลับในการบินคือการมีน้ำหนักเบา ทำไมไม่เริ่มต้นจากการลดน้ำหนักล่ะ!"
การลดน้ำหนักเองก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ถ้าหากเพนกวินสูญเสียไขมันหนาไป แล้วจะเรียกว่าเพนกวินได้ยังไงล่ะ? Pers ได้แต่ส่ายหัว
เด็ก ๆ รู้ดีกว่า ตั้งแต่นั้นมานกเรือรบก็ถูกนักปราชญ์เรียกว่า "นกโจรสลัด" เพราะความเย่อหยิ่ง และโลภมากของมัน

เพนกวิน Pers ได้ขอความช่วยเหลือจากนกนางนวล แต่กลับได้รับการตอบรับที่ดังวุ่นวาย และคำตอบก็ไม่ได้ชัดเจนนัก เหล่านกนางนวลเริ่มทะเลาะกันเอง จนสุดท้ายก็มีบางส่วนที่โกรธจนไม่บินอีกต่อไป และกลายเป็นนกออก แน่นอนว่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งแล้ว...
Pers ได้ไปขอความช่วยเหลือจากนกนางแอ่นทะเลอีกครั้ง แต่นกนางแอ่นทะเลผู้หยิ่งยโส กลับสอนแค่ทักษะที่เขาไม่สามารถฝึกฝนได้เท่านั้น และไม่สนใจที่จะสอนหลักสูตรพื้นฐานที่สุดให้กับเขา เพราะบรรดาชนชั้นสูงที่บินได้เหล่านี้ได้เห็นแล้วว่า ในเมื่อแม้แต่ร่อนเวหายังทำไม่ได้ แล้วนับประสาอะไรกับการเต้นรำกลางพายุโหม?

ดังนั้น Pers ที่หลงทางจึงกลับคืนสู่ชายทะเลอีกครั้ง ขณะที่มองดูทะเลอันเงียบสงบในยามค่ำคืน Pers ก็ค้นพบเป็นครั้งแรกว่า ภาพสะท้อนในคลื่นที่ซัดสาดนั้นเสมือนดวงดาวในบ้านเกิดของมันไม่มีผิด เมื่อเห็นดังนั้น มันจึงกระโดดลงไปในทะเลลึกที่ไร้ขอบเขตโดยไม่ลังเล——
ด้วยเหตุนี้ หลังจากช่วงเวลาแห่งความสับสนไม่นาน เพนกวิน Pers ก็สามารถเรียนรู้วิธีการบินในทะเลได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นการร่อนอย่างรวดเร็วหรือการหมุนอย่างคล่องแคล่ว ครีบหนาและลำตัวอวบอ้วนที่เพรียวโค้งมนของมันเกิดมาเพื่อสิ่งนี้จริง ๆ!
และเพราะแบบนี้เอง ทำให้ Pers กลายเป็นเพนกวินตัวแรกที่เรียนรู้การว่ายน้ำ หลังจากนั้น เพนกวินจำนวนมากก็รวบรวมความกล้าที่จะกระโดดลงทะเล สำรวจ หาอาหาร และโลดแล่นในหมู่ดาวทอแสงเหมือนอย่างเช่นที่บรรพบุรุษของพวกเขาทำ
หลังจากที่เพนกวิน Pers ชินกับการใช้ชีวิตในทะเลแล้ว มันก็ค่อย ๆ ลืมความทรงจำเกี่ยวกับท้องฟ้าแห่งดวงดาว แม้จะอยู่ในความฝันก็ไม่สามารถกลับไปสู่ห้วงอวกาศที่ลึกและไม่มีที่สิ้นสุดได้อีกต่อไปแล้ว จนสุดท้ายครอบครัวของเพนกวินก็ผูกพันกับโลกและมหาสมุทรตลอดไป

ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)

ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)Nameชุดนิทานห่านปีกหิมะ (II)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, ชุดนิทานห่านปีกหิมะ
RarityRaritystrRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionหนังสือนิทานเล่มเล็กที่ได้รับความนิยมใน Fontaine หน้าปกที่สวยงามนี้ทำให้เด็กหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าหนังสือเล่มนี้เขียนโดยมาดามห่านปีกหิมะผู้ใจดีในตำนานคนนั้น
เจ้าหญิง Marcotte

ในอดีตอันไม่นานนัก พืชและสัตว์ต่างมีอาณาจักรเป็นของตัวเอง
ในอาณาจักรของ Marcotte มีเจ้าหญิงผมยาวสีชมพูคนหนึ่ง ในตำนานเล่าว่าเธอถือกำเนิดขึ้นท่ามกลางก้ามปู แต่ยังคงเป็นเมล็ดแข็งอยู่ตลอดโดยไม่หยั่งรากอ่อนลงไปที่ใดเลย
"ลูกสาวสุดที่รักของพ่อ ลูกรักที่พ่อหวงแหนที่สุด เหตุใดจึงไม่เลือกชีวิตที่มั่นคงและสูงส่ง เหตุใดจึงชะลอเส้นทางการเติบโตออกไปเช่นนี้" องค์ราชา Marcotte เอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
"ท่านพ่อ ท่านพ่ออย่าเป็นกังวลไปเลย! ลูกเกิดมาในก้ามปู ก้ามปูนี้เปรียบเสมือนเรือธงของลูก ชะตากรรมของลูกไม่ใช่การหยั่งรากลงในผืนดินธรรมดา และเติบโตเป็นดอกไม้อันงดงาม แต่เป็นการพิชิตผืนสมุทร และก้าวไปสู่โลกแห่งใหม่ในอุดมคติ!"
องค์ราชาตกใจกับคำพูดของเจ้าหญิง อย่างไรเสีย ตัวเขาก็เป็นเพียงดอกไม้ที่อ่อนแอเท่านั้น วันนี้เจ้าหญิงไม่พอใจกับดินที่อุดมสมบูรณ์และอ่อนนุ่มอีกต่อไป และหากพรุ่งนี้เธอปรารถนาที่จะปลูกมงกุฎดอกไม้ที่สูงส่งยิ่งกว่าองค์ราชาของตนเองล่ะ?
เหตุผลที่องค์ราชาคิดเช่นนี้ก็เพราะตัวเขาเองเป็นดอกไม้ที่บอบบางสวยงามเท่านั้น

ดังนั้นเขาจึงผนึกเจ้าหญิงและก้ามปูไว้ในกล่องทองคำอย่างแน่นหนา และซ่อนกล่องทองคำไว้ในกระจกแต่งตัวที่ทำจากน้ำบริสุทธิ์ จากนั้นจึงทิ้งกระจกแต่งตัวดังกล่าว ลงในทะเลสาบไพลินของอาณาจักร Pluie Lotus มีเพียงแต่การทำให้มารดาบงกชหัวเราะออกมาเท่านั้น จึงจะสามารถเปิดกล่องทองคำอันเศร้าโศก และเผยให้เรือนจำในนั้นปรากฏขึ้นทีละชั้นทีละชั้นได้... แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่า Pluie Lotus คุ้นชินกับการร่ำไห้มานานเสียแล้ว

"เท่านี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว" องค์ราชาคิด "เท่านี้มงกุฎของข้าก็ปลอดภัยไร้กังวลแล้ว รอเพียงก็แต่ให้เวลาผ่านไป รอจนเปลือกหุ้มเมล็ดของลูกสาวสุดที่รักเต็มไปด้วยหุบเหว รอให้นางหมดความปรารถนาในการผจญภัยอันไร้ที่สิ้นสุด ถึงตอนนั้นนางจะต้องเผชิญกับการเติบโตอย่างเลี่ยงไม่ได้ในที่สุด..."

"ถึงตอนนั้น ลูกสาวที่แสนดีของข้าก็ต้องปฏิบัติตามกฎโชคชะตา เติบโตอย่างดีและแข็งแรงเหมือนกับข้า!"

แต่การถูกคุมขังอย่างยาวนานจะทำให้เจ้าหญิงผู้กล้าหาญยอมแพ้จริงหรือ? เพื่อที่จะเปิดกล่องทองคำ เจ้าหญิงได้ฝึกมุกตลกครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้ก้ามปูหัวเราะคิกคัก และกล่องทองก็สั่นไหวไปตาม ๆ กัน แต่เท่านี้ยังไม่พอ
เห็นดังนั้น เจ้าหญิงจึงฝึกฝนละครตลกมากมายซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งก้ามปูอดไม่ได้ที่จะเต้นรำไปกับเมล็ดพืช... ฮ่า แม้พวกมันจะไร้แขนไร้ขาก็ตาม! และจนสุดท้ายกล่องทองก็กลายเป็นโรงละครตลกขนาดใหญ่ แต่เท่านี้ก็ยังไม่พออยู่ดี
ดังนั้น เจ้าหญิงจึงตามหาวัตถุดิบต่าง ๆ หาวิธีเล่นตลกทุกรูปแบบจากในห้องขังของเธอ และล้อเลียนทุกสิ่งรอบตัวจนก้ามปูหัวเราะและร้องไห้ ร้องไห้และหัวเราะไปด้วยกันกับเธอ จน Pluie Lotus ที่ขี้แยก็ถูกความสนุกสนานของนางอดึงดูดเข้าไปด้วย และเผลอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว ในที่สุดมารดาบงกชก็ระงับความอยากรู้ไว้ไม่อยู่ จึงอนุญาตให้เจ้าหญิงเมล็ดพันธุ์คนนี้มาพบตนได้
สิ่งที่ไม่คาดคิดก็คือ เมื่อมารดาบงกชเห็นเจ้าหญิง นางก็พลันหัวเราะออกมาในทันใด จากนั้นเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนสั่นคลอนวังอันหนาวเย็นและสะท้านทั่วทั้งผืนทะเลสาบไพลิน
ดังนั้น เจ้าหญิง Marcotte จึงได้รับอิสรภาพของตัวเอง และที่สำคัญกว่านั้น นางยังได้รับความสามารถในการหัวเราะ และการนำความสุขมาสู่ผู้อื่น เมื่อต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมานอันไม่มีที่สิ้นสุด
ด้วยเหตุนี้ เจ้าหญิง Marcotte ผู้ซึ่งข้ามคลื่นมหาสมุทรด้วยก้ามปูและไม่เคยหยั่งรากและเติบโต ก็ได้ล่องเรือไปยังบ้านในฝันอันห่างไกลของตัวเอง นับแต่นั้นเป็นต้นมา ตำนานของเรือธงก้ามปูก็แพร่สะพัดในทะเลมาอย่างยาวนาน

ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)

ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)
ชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)Nameชุดนิทานห่านปีกหิมะ (III)
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, ชุดนิทานห่านปีกหิมะ
RarityRaritystrRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionหนังสือนิทานเล่มเล็กที่ได้รับความนิยมใน Fontaine หน้าปกที่สวยงามนี้ทำให้เด็กหลายคนเข้าใจผิด คิดว่าหนังสือเล่มนี้เขียนโดยมาดามห่านปีกหิมะผู้ใจดีในตำนานคนนั้น
คุณสุนัขจิ้งจอกกับหุ่นรักษาการณ์

เมื่อนานแสนนานมาแล้ว คุณสุนัขจิ้งจอกกับหุ่นรักษาการณ์เป็นเพื่อนที่สนิทสนมกัน
คุณจิ้งจอกเป็นจอมโจรผู้ยิ่งใหญ่ และหุ่นรักษาการณ์เป็นยามรักษาการณ์ตามชื่อ
แน่นอนว่านั่นเป็นเรื่องเมื่อนานแสนนานมาแล้ว แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังคงเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม แม้ว่าภาระงาน ตำแหน่ง และฐานะทางสังคมจะเปลี่ยนไป แต่มิตรภาพระหว่างพวกเขาจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หุ่นรักษาการณ์มีเรื่องกลัดกลุ้มใจอยู่เสมอ เมื่อเวลาผ่านไปและจักรกลมีอายุมากขึ้น ความกลุ้มใจของเขาก็ยิ่งทวีคู ราวกับลูกโป่งที่พองโต หนักเหมือนลูกหมูที่โตเต็มวัย และเช่นเดียวกับหางปุกปุยของสุนัขจิ้งจอกที่บางลงไปทุกที จนทำให้เป็นกังวลอย่างบอกไม่ถูก

หุ่นรักษาการณ์เล่าความคับข้องใจนี้ให้คุณสุนัขจิ้งจอกผู้เป็นเพื่อนรักฟังว่า: "ฉันมีชีวิตอยู่มานานเกินไปแล้ว ได้พบเจอและบอกลาผู้คนมาก็มาก ไม่ว่าจะเรื่องตลกขบขันแค่ไหน ก็ได้ยินมาจนนับครั้งไม่ถ้วน และไม่ว่าจะเป็นเรื่องเจ็บปวดเพียงใด ฉันก็ลืมเลือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า แม้ว่าฉันจะเป็นจักรกลที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องลาน แต่การ 'ลืม' ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉันเลย"
คุณสุนัขจิ้งจอกเข้าใจความกลุ้มใจของเพื่อนรักดี เขาจึงตอบกลับว่า: "หากการมีชีวิตที่ยืนยาวมีแต่จะนำมาซึ่งความหลงลืมและความชินชา งั้นก็ควรใช้ความตายเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองยังมีชีวิตอยู่"
"แต่ว่า เพื่อนขนปุยเอ๋ย" หุ่นรักษาการณ์ถอดหมวกโลหะผสมออกแล้วถอนหายใจ "ในการปล้นครั้งใหญ่เมื่อนานมาแล้ว เธอแย่ง 'ความตาย' จากโต๊ะเครื่องแป้งของคุณคางคกมาแล้วไม่ใช่เหรอ? เธอก่อปัญหามากมายจนเกือบทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกลืมเรื่องความตายไปแล้ว"
พวกเราต่างรู้ดีว่า คนที่ตายแทนคือคุณคางคก เธอคือราชินีของสิ่งมีชีวิตที่ทั้งอัปลักษณ์ ทั้งเย็นชา และน่ารังเกียจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็คอยดูแลอัญมณีที่สวยงามและเยือกเย็นที่สุด นั่นก็คือ "ความตาย"

"เฮ้อ ตอนนั้นฉันยังเด็กนัก ฉันไล่ตามคุณสุนัขแจ็กคัลอย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่ออยากจะมอบอัญมณีที่ล้ำค่าที่สุดในการประมูลให้กับเธอ..."
"แล้วไงต่อ?"
"ฉันทำสำเร็จ เธอตายแล้ว"
"ความตาย" หลุดจากมือของคุณสุนัขแจ็กคัล และตกลงบนพื้นจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ชิ้นส่วนหลอมเป็นเนื้อเดียวกับผืนดิน และไม่พบร่องรอยใด ๆ อีกต่อไป ด้วยเหตุนี้ ทุกคนในโลกจึงกลับคืนสู่ความตายตามปกติอีกครั้ง คนชั่วที่สมควรตายก็ตายไปอย่างดิบดี แต่ตัวคุณสุนัขจิ้งจอกนั้นกลับพลาดโทษทัณฑ์ของตัวเอง และมีชีวิตอยู่ต่อไป

"ในเมื่อความตายยังคงอยู่ในโลกนี้ แล้วทำไมเราถึงไม่เดินท่องไปทั่วโลกเพื่อตามหามันล่ะ!" ดังนั้น คุณสุนัขจิ้งจอกจึงจับมือหุ่นรักษาการณ์เพื่อนรักผู้เย็นชาของตัวเอง และออกจากเมืองหลวงบ้านเกิดเพื่อแสวงหาความตายในทั่วทุกมุมโลก
พวกเขาเดินไป เดินไป และไปเรื่อย ๆ จนขนสีแดงที่สวยงามของคุณสุนัขจิ้งจอกเปลี่ยนเป็นสีขาว กระทั่งตราเกียรติยศอันภาคภูมิของหุ่นรักษาการณ์ขึ้นสนิม และในที่สุดพวกเขาก็มาถึงบ้านเกิดของคุณคางคก

"คุณคางคก คุณคางคก" หุ่นรักษาการณ์เคาะประตู
คุณคางคกเปิดประตูอย่างช้า ๆ และยื่นมือที่มีรอยแผลเป็นและพิษออกมา
"คุณคางคกผู้งดงาม พวกเราขออภัยจริง ๆ ที่มารบกวนคุณอีกครั้งแล้ว แต่เพื่อนรักของฉันเจ็บปวดเหลือเกิน มีแค่คุณเท่านั้นที่จะช่วยรักษาเขาได้" คุณสุนัขจิ้งจอกถอดหมวกแล้วพูดอย่างนอบน้อม
"คุณคางคกรู้ตัวอยู่แล้วว่าตัวเองงดงามมากแค่ไหน" เสียงแหบห้าวดังมาจากบ้านในหมู่บ้านที่คดเคี้ยว "เพื่อนของเธอ ไม่มีทางแสวงหาความตายได้หรอก"
"ชีวิตไม่ใช่ชา และความตายก็ไม่ใช่น้ำตาล น้ำแร่ที่สดใหม่ตลอดไม่อาจแยกแยะความแตกต่างได้ แต่ด้วยหัวใจและลิ้นของเครื่องจักร เธอมีชีวิตที่จะได้สัมผัสกับรสชาติของมันครั้งแล้วครั้งเล่า..." คางคกยกผ้าที่แกะสลักด้วยดอกไม้ออก เผยให้เห็นอัญมณีเย็นที่เรียกว่า "ความตาย" เขายื่นมือออกเพื่อเชื้อเชิญหุ่นรักษาการณ์ "มาเถอะ หุ่นรักษาการณ์หนุ่ม มานี่เถอะ เด็กน้อย... ทุกคนต่างก็ต้องผ่านการทดสอบกันทั้งนั้น แต่อย่าได้ยอมแพ้ง่าย ๆ พยายามเข้าไว้นะ..."
"หนอนของฉันกินเธอไม่ได้ ตะไคร่ของฉันก็เกาะติดเธอไม่อยู่ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะอายุเท่าไหร่ มีความรับผิดชอบอะไร จะโศกเศร้าหรือเบื่อหน่ายแค่ไหน ก็อย่าได้ยอมแพ้ง่าย ๆ นะ ลูกของฉัน"
เมื่อพูดอย่างนั้น คุณคางคกก็วางมือจักรกลของเขาลงบนไข่มุกแห่ง "ความตาย" อย่างอ่อนโยน เพื่อทำให้เขาได้เห็นจุดจบของตัวเองในอนาคตที่นานแสนนาน...
หลังจากการล้างบาปหลายปีจนนับไม่ถ้วน หุ่นรักษาการณ์ที่แตกสลายก็ถูกโยนลงไปในกองไฟแห่งการทำลายล้าง หลอมละลายพร้อมกับเศษเหล็กที่สะสมมานานหลายสิบล้านปี กลายเป็นมหาสมุทรโลหะขนาดมหึมาที่ไม่สามารถแยกแยะได้ ความคิดแข็งกร้าวและอารมณ์อันชินชาของโลหะถูกละลาย ระเหิด และหลอมรวมกันกลายเป็นชีวิตใหม่ นั่นที่พำนักอันน่าตื่นตาของชีวิตโลหะเท่านั้น ซึ่งเมื่อเทียบกันแล้ว แม้แต่ความเรืองรองของ "ความตาย" ก็กลายเป็นเพียงสิ่งธรรมดาไปแล้ว

ดังนั้น หุ่นรักษาการณ์ที่มองเห็นอนาคตจึงยอมแพ้ต่อความตาย ส่วนคุณสุนัขจิ้งจอกผู้เป็นเพื่อนสนิทของเขา ก็แอบดึงมือกลับและล้มเลิกความคิดที่จะขโมยมัน "ชีวิตไม่ใช่ชา และความตายก็ไม่ใช่น้ำตาล ในเมื่อฉันยังมีเพื่อนคอยอยู่เคียงข้างร่วมทุกข์สุขไปด้วยกัน แล้วทำไมฉันจะต้องร้อนใจ และตะกละตะกลามแสวงหาอัญมณีที่ไม่ได้อยู่ในโลกนี้ด้วย?"

ต่อมา เด็ก ๆ ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณสุนัขจิ้งจอกและหุ่นรักษาการณ์ยังคงมีชีวิตอยู่อีกยาวนาน อยู่จนโลกใบเล็ก ๆ ของพวกเขาจะกลายเป็นที่รกร้าง จวบจนดวงอาทิตย์ของพวกเขามอดดับและดวงจันทราร่วงหล่น... หลังจากนั้น เรื่องราวของพวกเขาก็ยังคงไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนเดิม และแพร่กระจายไปทั่วทั้งผืนโลก

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TopButton