คอลเลกชัน Byakuyakoku

IconNameRarityFamily
The Serpent-Drake of Tokoyokoku
The Serpent-Drake of Tokoyokoku3
RarstrRarstrRarstr
Book, คอลเลกชัน Byakuyakoku
อดีตของตะวันและจันทรา
อดีตของตะวันและจันทรา3
RarstrRarstrRarstr
Book, คอลเลกชัน Byakuyakoku
การทดสอบทางอุทกวิทยาของ Byakuyakoku
การทดสอบทางอุทกวิทยาของ Byakuyakoku3
RarstrRarstrRarstr
Book, คอลเลกชัน Byakuyakoku
บันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap
บันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap3
RarstrRarstrRarstr
Book, คอลเลกชัน Byakuyakoku
แสงสว่างใต้เงามืด
แสงสว่างใต้เงามืด3
RarstrRarstrRarstr
Book, คอลเลกชัน Byakuyakoku
items per Page
PrevNext
Table of Content
The Serpent-Drake of Tokoyokoku
อดีตของตะวันและจันทรา
การทดสอบทางอุทกวิทยาของ Byakuyakoku
บันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap
แสงสว่างใต้เงามืด

The Serpent-Drake of Tokoyokoku

The Serpent-Drake of Tokoyokoku
The Serpent-Drake of TokoyokokuNameThe Serpent-Drake of Tokoyokoku
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, คอลเลกชัน Byakuyakoku
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionนวนิยายที่อ้างอิงจากนิทานพื้นบ้านของเกาะ Watatsumi ฉบับแรกสุดได้มีคนค้าขายจากเกาะ Narukami คนหนึ่งไปยังเกาะ Watatsumi แล้วคัดลอกต้นฉบับด้วยมือ แล้วนำกลับมายังเกาะ Watatsumi ในยุคที่เทพอสรพิษยังคงมีชีวิตอยู่ ปัจจุบันไม่มีใครอ่านผลงานเลื่องชื่อสุดคลาสสิกนี้อีกต่อไปแล้ว และมันถูกไลท์โนเวลในท้องตลาดฝังจนจมดิน หนังสือเล่มนี้ได้อธิบายมุมมองด้านจักรวาลวิทยาก่อนที่ชาว Watatsumi จะยอมรับวัฒนธรรม Narukami เนื่องจากช่วงนี้กระแสการตีพิมพ์นวนิยายแบบดั้งเดิมกลับมาคึกคัก จึงทำให้มันมีโอกาสได้ออกมาท่องโลกอีกครั้ง
สิ่งมีชีวิตลึกลับหลบซ่อน เผยนิมิตดวงตะวันและจันทรา
มุมทั้งสามซ่อนอยู่ในเงามืด นักปราชญ์ทั้งห้าอยู่ในความว่างเปล่า

"จักรวาลไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด ผืนแผ่นดินก็เคยเป็นเช่นเดียวกันนี้ แต่เรื่องนี้มันไม่สำคัญสำหรับเรา เพราะผืนดินที่แบกรับเราไว้ มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับความเป็นนิรันดร์ที่ไร้ซึ่งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดอีกต่อไป"
——นักปราชญ์ผู้โดดเดี่ยว Aberaku ได้กล่าวกับบุตรแห่งสุริยันรุ่นแรก บุตรแห่งสุริยันตั้งใจจะลงทัณฑ์ Aberaku ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว การที่เรียกตัวเขามาที่หน้าบัลลังก์ ก็เพียงเพราะต้องการทำให้สิ่งต่าง ๆ มันยุ่งยากขึ้นสำหรับเขา ก่อนที่จะจับกุมเขา
ตำนานเล่าว่า Aberaku ได้ถูกเทพ Tokoyo Ookami ผู้ยิ่งใหญ่เปิดสติปัญญาแห่งการรู้แจ้ง และสามารถนำแสงสว่างมาสู่ Enkanomiya ได้ แต่ว่าบุตรแห่งสุริยันริษยาในพรสวรรค์ของเขา จึงได้จองจำเขาไว้ชั่วชีวิต อย่างไรก็ตาม เหล่าบุตรแห่งสุริยันกลับไม่เคยคิดเลยว่า หาก Aberaku ไม่ได้สร้างดวงตะวันใต้ผืนดิน ก็คงจะไม่มีตัวพวกเขาเองเช่นกัน
"...ต้นกำเนิดของสวรรค์และผืนดินเป็นดั่งไก่กับไข่ มังกรและงูคือร่างเดียวกันตั้งแต่แรก" พอนักปราชญ์ Aberaku พูดจบ ก็ถูกเหล่าทหารที่ซ่อนตัวอยู่พุ่งเข้าโจมตี

ในช่วงเวลานั้น เพราะการปรากฏขึ้นของดวงตะวัน Enkanomiya ถึงได้พักหายใจหายคอได้บ้าง เนื่องจากทายาทมังกรหลงใหลในความมืดและเกลียดกลัวแสงสว่าง มันจึงไม่สามารถทำอะไรอย่างพลการได้อีกต่อไป วันคืนที่ทายาทมังกรออกอาละวาด และเข่นฆ่าชีวิตผู้คนได้จบลง ในที่สุดชาว Enkanomiya ก็สามารถต่อต้านมันได้แล้ว
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ภัยคุกคามจากต่างสายพันธุ์ยังไม่ได้ถูกกำจัดอย่างสิ้นซาก ความโสมมของมนุษย์ก็ได้ผุดออกมา เหล่ามนุษย์ได้ตั้งให้ "บุตรแห่งสุริยัน" เป็นกษัตริย์ แต่เขากลับปกครองอย่างโหดเหี้ยม และใส่ร้ายผู้ภักดีที่ชอบธรรม

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปกี่ปีแล้ว มีเด็กชาว Enkanomiya คนหนึ่งพนันกันกับเพื่อนของเขา เขาตัวคนเดียว ได้ดำน้ำออกไปนอกเขตของสามมุม หลบหลีกร่องรอยของทายาทมังกร เพื่อไปตามหา Dragonbone Flower แต่ทว่า เขากลับเห็นพญาอสรพิษขนาดมหึมาที่เขาไม่เคยพบมาก่อนอยู่ในถ้ำ เด็กน้อยมองเห็นอสรพิษยักษ์ก็พลันรู้สึกสงสัย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเกรงกลัวแต่อย่างใด กลับรู้สึกได้ถึงได้ถึงความใกล้ชิดสนิทสนม
"ข้าคืออสรพิษที่ไม่นับถือเทพเจ้า แม้ว่าบริวารของข้าจะมีจำนวนมหาศาล แต่บัดนี้ไม่มีมนุษย์ผู้ใดอาศัยอยู่ใต้เงามืดของข้า และข้าได้ตกมาสู่ดินแดนแห่งนี้ การพบกันของเจ้ากับข้า อาจถือได้ว่าเป็นโชคชะตา แม้เจ้าจะไม่ใช่บริวารของข้า แต่ก็ยังเป็นบุตรแห่งมนุษย์ จงเอ่ยความปรารถนาของเจ้ามาเถิด แล้วข้าจะสดับฟังมัน"
"ถ้างั้น ไม่ทราบว่าท่านจะมาเป็นเทพเจ้าของชาวห้วงลึกใต้ทะเลอย่างเราได้ไหม?"

ดังนั้นมนุษย์หนึ่งคนและอสรพิษหนึ่งตัว ได้ไปเผชิญหน้ากับอำนาจการปกครองของบุตรแห่งสุริยัน พร้อมกับการรุกรานของทายาทมังกรที่อยู่นอกดินแดน และเปิดฉากแห่งการพลิกกระแสน้ำ

อดีตของตะวันและจันทรา

อดีตของตะวันและจันทรา
อดีตของตะวันและจันทราNameอดีตของตะวันและจันทรา
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, คอลเลกชัน Byakuyakoku
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionพงศาวดารที่ห้ามคนทั่วไปแตะต้อง เป็นงานเขียนที่ผสมผสานเรื่องเล่ากับพงศาวดารเข้าด้วยกัน จากจุดเริ่มต้นของโลกไปจนถึงการสร้าง Dainichi Mikoshi
สิ่งที่พวกเราอยากบันทึก ก็คือเจตจำนงของสวรรค์ก่อตัวขึ้นบนโลกได้อย่างไร เฮ้อ เทพบนสวรรค์ การสรรค์สร้างเหล่านี้ล้วนเป็นผลงานของพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านโปรดช่วยเปิดสติปัญญาของฉัน ให้ฉันได้ทำบันทึกอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอะไรติดขัดด้วยเถอะ

"ยามนกพิราบคาบกิ่งมะกอก"
บัลลังก์นิรันดร์บนสวรรค์ได้ปรากฏขึ้น และโลกก็ได้พลิกโฉมใหม่ทั้งหมด จากนั้นราชาที่แท้จริง ผู้ซึ่งเป็นราชาองค์แรกนั้น ก็ได้เปิดฉากต่อสู้กับเหล่าราชาทั้งเจ็ดที่น่าสะพรึงกลัวของโลกเก่า ซึ่งราชาที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านั้นก็คือมังกร
ราชาองค์แรกผู้นั้นได้สร้างเงาที่มีแสงสว่างของตัวเองขึ้นมา เป็นจำนวนสี่เงา

"Phanes หรือราชาองค์แรกผู้นั้น"
ราชาองค์แรกผู้นั้น หรือที่รู้จักในชื่อ Phanes เขามีปีก และสวมมงกุฎบนศีรษะ ถือกำเนิดจากไข่ จึงยากที่จะจำแนกว่าเป็นบุรุษหรือสตรี แต่หากจะสร้างโลก ก็จำเป็นต้องทุบเปลือกไข่ให้แตก Phanes ... ราชาองค์แรกผู้นั้น ... กลับใช้เปลือกไข่สร้างพรมแดนระหว่าง "จักรวาล" และ "พิภพเล็ก ๆ ของโลก"

"สี่สิบปีหลังการคาบกิ่ง"
ฤดูหนาวสี่สิบปีกลบฝังเปลวไฟ ฤดูร้อนสี่สิบปีแผดเผาทะเลจนเดือด ราชาทั้งเจ็ดพ่ายแพ้หมดสิ้น อาณาจักรทั้งเจ็ดยอมศิโรราบต่อสวรรค์ และราชาองค์แรกผู้นั้นก็ได้เริ่มสรรค์สร้างโลก เพื่อ "พวกเรา" ...เพื่อให้ผู้คนที่เขาเมตตาได้อาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้

...

"สี่ร้อยปีหลังการคาบกิ่ง"
ภูเขาและแม่น้ำได้ถือกำเนิด ทะเลและมหาสมุทรก็ได้โอบรับเหล่ากบฏและผู้ที่ไม่ยอมศิโรราบเอาไว้ ราชาองค์แรกผู้นั้นพร้อมกับเงาร่างหนึ่งของเขาได้ร่วมกันสร้างนก สัตว์สี่เท้า และปลา พวกเขายังได้ร่วมกันสร้างต้นไม้ดอกไม้ และใบหญ้า สุดท้าย พวกเขาได้สร้างมนุษย์ขึ้น ไม่อาจทราบได้ว่าพวกเรามีบรรพบุรุษอยู่จำนวนเท่าไหร่
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บรรพบุรุษของพวกเราก็ได้ทำพันธสัญญากับราชาองค์แรกผู้นั้น และปีศักราชใหม่ก็ได้เริ่มต้นขึ้น

"ปีแห่งการเปิดเรืออาร์ค"
ราชาองค์แรกผู้นั้นมีแผนอันศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่ามนุษย์ ตราบใดที่ผู้คนมีความสุข เขาก็จะเปี่ยมไปด้วยความปิติเช่นกัน

"ปีต่อมาหลังการเปิดเรืออาร์ค"
ผู้คนขุดไร่ไถนา และได้เก็บเกี่ยวเป็นครั้งแรก ผู้คนขุดถ้ำทำเหมือง และได้รับแร่มีค่าเป็นครั้งแรก ผู้คนมารวมตัวกัน และได้เขียนบทกวีเป็นครั้งแรก

"ปีแห่งงานรื่นเริง"
หากมีความหิวโหย อาหารและเม็ดฝนจะร่วงหล่นจากสวรรค์ หากมีความยากแค้น โลกจะให้กำเนิดความมั่งคั่ง หากความเศร้าโศกแผ่กระจายออกไป สวรรค์ก็จะตอบกลับด้วยเสียงของพวกเขา
ข้อห้ามประการเดียว คือห้ามยอมจำนนต่อสิ่งล่อใจ แต่เส้นทางสู่การทดลองนั้นกลับถูกผนึกเอาไว้แล้ว

...

"ปีแห่งการฌาปนกิจ"
เมื่อบัลลังก์ที่สองของสวรรค์ได้มาถึง ราวกับสงครามในครั้งสร้างโลกได้เปิดฉากขึ้นอีกครั้ง ในวันนั้น ฟ้าได้ถล่มและดินได้ทลาย บรรพบุรุษของพวกเราเหล่าผู้คนใต้ทะเลลึก และดินแดนอยู่อาศัยของพวกเขา จึงได้ร่วงหล่นมาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
และยุคแห่งความมืดจึงได้เริ่มต้นขึ้น

"ปีแรกแห่งความมืดมิด"
ผู้คนของเหล่าราชาผู้ยิ่งใหญ่ทั้งเจ็ดได้พบที่ลี้ภัยใต้ทะเล ที่ซึ่งทายาทมังกรทะเลเคยเป็นผู้ปกครอง บรรพบุรุษของเราจึงต้องเข้าต่อสู้กับพวกมัน
บรรพบุรุษได้ใช้แสงไฟนับพันดวงขับไล่พวกมันสู่เงามืด และพวกมันก็ไล่ล่ามนุษย์จากในเงามืด แต่ที่แห่งนี้นั้นมีเพียงความมืดมิด ดังนั้นจึงไม่มีพื้นที่ใดเลยที่ไม่ใช่พื้นที่ไล่ล่า
คำอธิษฐานของผู้คนรวมกันเป็นเสียงคร่ำครวญ แต่ราชาองค์แรกและเงาเรืองแสงทั้งสามของเขากลับไม่อาจได้ยิน

"คำอุปมาของดวงอาทิตย์"
ในถ้ำอันมืดมิด มีเหล่าผู้คนที่ไม่เคยเห็นแสงสว่างอาศัยอยู่ มีนักปราชญ์ผู้หนึ่งที่เคยเห็นดวงตะวัน คอยบรรยายถึงชีวิตใต้แสงสว่างและความยิ่งใหญ่ของดวงอาทิตย์ให้เหล่าผู้คนที่อยู่ในถ้ำฟัง เมื่อเขาเห็นว่าเหล่าผู้คนไม่เข้าใจ จึงจุดไฟขึ้นมา ผู้คนจึงเริ่มพากันบูชาไฟ เพราะคิดว่านั่นคือดวงตะวัน ถึงขั้นเริ่มคุ้นชินกับชีวิตที่มีเพียงความมืดมิดและแสงไฟ
เมื่อนักปราชญ์เสียชีวิตลง ก็มีใครบางคนยึดกองไฟไปครอบครอง และใช้ไฟ ฉายภาพเงาขนาดใหญ่ของตัวเอง

"คำอุปมาของดอกบัวลืมโศก"
ดอกบัวที่เมื่อพบเห็นแล้วจะลืมความเศร้าโศก ในระหว่างการเดินทางอันยาวนาน กัปตันที่กำลังตามหาทางกลับบ้านได้พบกับคนกลุ่มหนึ่งที่กินดอกบัวชนิดนี้เป็นอาหาร จึงมีบางคนตัดสินใจอยู่ที่นี่ แต่ก็มีบางคนที่ต่อต้านสิ่งล่อใจเหล่านี้
การมีชีวิตอยู่ คือทะเลแห่งความทุกข์ที่ไม่มีจุดสิ้นสุด พวกเราก็แค่กำลังตามหาทางกลับบ้านเท่านั้น

"ปีที่สามแห่งความมืดมิด"
ผู้เดียวที่ไม่เคยทอดทิ้งพวกเรา เธอก็คือ "ผู้ปกครองกาลเวลา" เธอคือช่วงเวลา และเป็นทุกช่วงเวลา คือหน่วยวัดแห่งสายลมนับพันกับตะวันและจันทรา เธอคือทุกวินาทีแห่งความสุข ทุกช่วงเวลาแห่งความโกรธ ทุกช่วงเวลาที่โหยหา ทุกนาทีแห่งความหมกมุ่น และเธอก็เป็นทุกช่วงเวลาแห่งความเพ้อฝัน
พวกเราเรียกขานเธอว่า "Kairos" หรือ "ผู้ปกครองแห่งโลกที่ไม่เปลี่ยนแปลง" พวกเราไม่กล้าเอ่ยนามจริงที่เป็นความลับของเธอออกมา ดังนั้นจึงจะเขียนมันลงบนนี้ "Htoratsi" ... ฉันจะเอ่ยถึงเพียงครั้งเดียวเท่านั้น

...

"ปีแห่งความมืดบอด"
ปัญญาของนักปราชญ์ Abrax ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น และเขาได้เปิดเผยปาฏิหาริย์แห่งแสงสว่างจากมือเขา ดังนั้น บรรพบุรุษของเราจึงเริ่มสร้าง "Helios" โดยมีเขาเป็นผู้นำ

...

"ปีแห่งการมองเห็น หรือปีแรกของตะวันและจันทรา"
"Helios" ... ในที่สุดราชรถศักดิ์สิทธิ์ของดวงตะวันก็เสร็จสมบูรณ์ เมื่อราตรีสีขาวมาถึง ราตรีนิรันดร์ก็มลายหายไป
ศักราชแห่งตะวันและจันทราจึงได้เริ่มต้นขึ้น

"ปีที่สองของตะวันและจันทรา"
บรรพบุรุษของเราพยายามแสวงหาหนทางกลับบ้าน แน่นอนว่าสงครามบนพื้นผิวโลกนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว
แต่ราชาองค์แรก ผู้ครองบัลลังก์องค์แรกผู้นั้น ได้มีคำสั่งห้าม เหล่าบรรพบุรุษจึงไม่สามารถหาหนทางกลับบ้านได้
ในกรณีแบบนี้ ราชาองค์แรกผู้นั้น คงเอาชนะราชาองค์ที่สองได้แล้วสินะ
Abrax ถูกสั่งคุมขังโดยบุตรแห่งสุริยัน

"คำอุปมาของต้นไม้"
คนสวนของราชาและภูตต้นไม้ได้มีความรักต่อกัน แต่ราชาประสงค์จะซ่อมแซมคานของศาลา และต้องการโค่นต้นไม้ที่จิตวิญญาณแรงกล้าที่สุดต้นนั้น ราชาเป็นร่างจำแลงของราชาองค์แรกผู้นั้น คนสวนไม่สามารถขัดคำสั่งของราชาแห่งราชาทั้งปวงได้ ทำได้แค่ภาวนาต่อนักบวชของราชาเท่านั้น ส่วนนักบวชก็คือร่างจำแลงของ Tokoyo Ookami
นักบวชสงสารคนสวน จึงได้กล่าวว่า เธอไปหักกิ่งต้นไม้จิตวิญญาณต้นนั้นมาสิ คนสวนจึงไปหักมา แล้วจากนั้นจึงได้โค่นต้นไม้จิตวิญญาณตามคำสั่งของราชา
จากนั้นนักบวชก็กล่าวว่า จงนำกิ่งก้านของต้นไม้จิตวิญญาณไปปลูก แต่คนส่วนกลับกล่าวว่า ต้นไม้จิตวิญญาณต้องใช้เวลาถึงห้าร้อยปีจึงจะเติบโต นักบวชจึงกล่าวว่า หนึ่งความคิดพิชิตทุกสิ่ง ดังนั้นคนสวนจึงนำกิ่งไม้ไปปลูกที่สวนหลังบ้านของตัวเอง ทันใดนั้น กิ่งไม้เรียวเล็กก็เติบโตเป็นต้นไม้ และภูตต้นไม้ต้นใหม่ ก็ได้รับสืบทอดจิตวิญญาณมาจากต้นไม้ต้นเดิม
เพราะเทพแห่งกาลเวลานั้น สามารถนำ "ช่วงเวลานี้" ของ "เมล็ดพันธุ์" ไปสู่อดีตและอนาคตได้

"สิบปีของตะวันและจันทรา"
Abrax ได้จากไปนานแล้ว อดีตของตะวันและจันทราถูกบันทึกไว้เพียงพอแล้ว หากไม่มีความกล้าพอที่จะที่เขียนเรื่องราวทุกอย่างตามข้อเท็จจริง จะถือว่าตนเป็นผู้จดบันทึกของท่าน Tokoyo Ookami ได้อย่างไร?
ฉันได้ยินเสียงชุดเกราะอยู่ด้านนอกของประตู ฉันขอหยุดเขียนเพียงเท่านี้แล้วกัน

การทดสอบทางอุทกวิทยาของ Byakuyakoku

การทดสอบทางอุทกวิทยาของ Byakuyakoku
การทดสอบทางอุทกวิทยาของ ByakuyakokuNameการทดสอบทางอุทกวิทยาของ Byakuyakoku
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, คอลเลกชัน Byakuyakoku
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionหนังสือเครื่องมือที่บันทึกภูมิศาสตร์และอุทกวิทยาของ Byakuyakoku การปิดตัวของห้วงลึกใต้ท้องทะเล และการอพยพของชาว Watatsumi ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงของระยะเวลาอันยาวนาน ทำให้หนังสือเล่มนี้หมดประโยชน์ไปในที่สุด
พื้นที่ของห้วงลึกใต้ท้องทะเลนั้นแตกต่างจากพื้นที่บนบกมาก โดยทั่วไปแล้วมันไม่เหมาะสมแก่การใช้สอยเลย อีกทั้งความรู้ทางด้านภูมิศาสตร์และอุทกวิทยานั้นได้รับการถ่ายทอดมาจากสวรรค์โดยตรง แม้กระทั่งวิธีการในการวิจัยเกี่ยวกับโลกที่เราอาศัยอยู่ ก็ยังต้องคลำหาทางด้วยตัวเอง และเริ่มต้นทุกอย่างจากศูนย์
คนรุ่นหลังที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้โปรดจำไว้ให้ดี อย่าได้คิดไปว่าชีวิตที่ตัวเองใช้อยู่นั้นคือเรื่องปกติ ต่อให้อีกร้อยปีพันปีข้างหน้า ผู้คนจะเริ่มคุ้นชินกับชีวิตแบบนี้ แต่ก็โปรดจำไว้ให้ดี ... ชีวิตที่ปราศจากตะวันและจันทราบนท้องฟ้านั้นมันไม่ปกติ ถึงแม้จะมีนักปราชญ์คอยวาดภาพดวงอาทิตย์อยู่ที่นี่ แต่จะต้องมีพวกเลวทรามที่คอยใช้แสงไฟฉายภาพเงาขนาดใหญ่อยู่แน่นอน
หนังสือเล่มนี้มีไว้เพื่อให้ผู้คนได้เข้าใจโลกที่ตัวเองอาศัยอยู่เท่านั้น อย่าได้หลงลืมจิตใจที่จะตามหาแสงสว่างกลับมา
(หนังสือเล่มนี้ได้มีการแก้ไข ลบ และเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามยุคสมัย และชื่อเรียกก็เปลี่ยนจากห้วงลึกใต้ท้องทะเลเป็น "Tokoyokoku" แล้วจึงเปลี่ยนเป็น "Byakuyakoku" ในภายหลัง ต่อมา Watatsumi ได้มีคำสั่ง เคลื่อนย้ายชาววังบาดาลกลับขึ้นมาสู่เหนือผืนทะเล แต่อย่างไรก็ตาม "ห้วงลึกใต้ท้องทะเล" นั้นมีความหมายพิเศษ เนื้อหาจึงไม่ได้ถูกแก้ไขทั้งหมด)

- เรื่องราวของลมและน้ำ
Byakuyakoku ไม่มีภูเขา จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึงภูเขา แต่บรรดานักบวชและนักปราชญ์ในหมู่พวกเราได้สังเกตเห็นถึงสิ่งหนึ่ง: แม้จะเป็นห้วงลึกใต้ท้องทะเลแห่งนี้ ก็ยังมีพลังของ "ลมที่ไม่มีวันดับสูญ" และ "น้ำ" ลมที่ไม่มีวันดับสูญนั้นผู้คนได้เรียกขานว่า "Tokoyo Ookami" หรือเรียกแบบสำนวนของบทกวีว่า "สายลมนับพัน" หรือ "สายลมนับพันแห่งกาลเวลา" ส่วน "น้ำ" คือพลังแห่งโลก Vishap ของ Bathysmal Vishap
พวกเรามีความรู้ในการคำนวณความสัมพันธ์ระหว่าง Sunfire กับลมและน้ำ ดังนั้น ก่อนเริ่มงานวิศวกรรมโยธา จึงต้องพิจารณาผลกระทบของอุทกวิทยาและลมที่ไม่มีวันดับสูญก่อน

- พรมแดนของ Byakuyakoku
ดินแดนแห่งราตรีสีขาวใช้มุมทั้งสามของรูปสามเหลี่ยมเป็นเขตพรมแดน แต่เดิมที่แห่งนี้เคยเป็นพื้นที่แห่งความขัดแย้งระหว่างพลังของมนุษย์และพลังของ Vishap
หอคอยสามพิภพถูกสร้างขึ้นที่มุมทั้งสามในยุคของ Byakuyakoku ซึ่งมันถูกใช้เพื่อปรองดองสามภพ ชื่อในยุคโบราณได้หายสาบสูญไปแล้ว จึงได้เปลี่ยนเป็นชื่อที่ใช้กันในปัจจุบันหลังจากการมาถึงของ Watatsumi
หอคอยสามพิภพนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างมาก และไม่ได้อยู่ในตำแหน่งภายใต้ระบบลมและน้ำ พวกมันทำหน้าที่ในการสร้างสมดุลของแนวโน้มทั้งหมดใน Byakuyakoku และควบคุมลมและน้ำของ Byakuyakoku
หากหอคอยสามพิภพเกิดมีปัญหาขึ้นมา ทั่วทั้ง Byakuyakoku คงต้องพบกับภัยพิบัติ ดังนั้นพวกมันจึงถูกซ่อนไว้โดยศาสตร์ลับ และมีเพียงมิโกะและนักบวชเท่านั้นที่จะสามารถเรียกพวกมันออกมาได้

- The Narrows
แต่เดิม The Narrows นั้นตั้งอยู่ในบริเวณที่ถูกประกบด้วยหน้าผารอบด้าน และพื้นที่ที่รู้จักกันในชื่อว่า The Roundland ดังนั้นจึงถูกขนานนามว่าเป็น The Narrows แต่เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ที่ผิดปกติเป็นอย่างมากของ Byakuyakoku ภายในเวลาไม่กี่ร้อยปี The Roundland ก็พังทลายลงสู่เหวลึก ทำให้ The Narrows กลายเป็นพื้นที่กว้างขนาดใหญ่

- The Serpent's Heart
ตั้งแต่วันที่บรรพบุรุษค้นพบสถานที่แห่งนี้ ก็มีปรากฏการณ์มหัศจรรย์อย่างหนึ่งเกิดขึ้น พื้นที่จะเกิดการทับซ้อนกันในบางสถานที่ ต่อมาปรากฏการณ์นี้ได้ถูกบรรพบุรุษของพวกเรานำมาใช้สร้าง The Serpent's Heart ผู้คนใช้สถานที่แห่งนี้เพื่อเก็บงำความลับ ขังนักโทษ และบูชางูยักษ์ในจินตนาการ "Ouroboros"
ในตอนแรกสถานที่แห่งนี้มีชื่อว่า Delphi แปลว่าดินแดนแห่งอสรพิษ ต่อมา เมื่อ Watatsumi Omikami มาถึง ดินแดนแห่งอสรพิษก็ยังคงใช้ชื่อเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ในภาพวาดโบราณทั่วไป งูที่ไม่มีเกล็ดคือ "Ouroboros" ส่วนงูที่มีปะการังคือ "Orobashi"

- Dainichi Mikoshi
เดิมทีชื่อแรกสุดนั้นมีชื่อว่า "Helios" เป็นหอคอยสูงที่ออกแบบโดย Aberaku ซึ่งเป็นธาตุระหว่างลมและน้ำ
ตามคำทำนาย มันน่าจะเป็นดวงอาทิตย์ที่นักปราชญ์ใช้แสดง เพื่อให้แสงสว่างแก่ถ้ำที่ไม่เคยเห็นแสงสว่างมาก่อน และตามคำทำนาย ต่อมามันก็ได้ถูกใช้เพื่อฉายภาพเงาขนาดใหญ่อีกด้วย

บันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap

บันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap
บันทึกการทดลอง Bathysmal VishapNameบันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, คอลเลกชัน Byakuyakoku
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionบันทึกการทดลอง Bathysmal Vishap ที่ไม่มี Vishap เสียชีวิตในการทดลอง
...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หัวข้อการทดลองที่เกี่ยวข้องกับทายาทมังกรทะเล จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นหัวข้อที่กำหนดโดย Watatsumi Omikami เอกสารทั้งหมดก่อนปีที่จะก่อตั้ง Watatsumi ถูกทำลาย หมายเลขลำดับของเอกสารจะไม่ใช้หมวดหมู่ Alpha, Beta, Gamma, Delta และ Epsilon ซึ่งเป็นภาษา Watatsumi โบราณอีกต่อไป จะเริ่มใช้ดิน, น้ำ, ไฟ, ลม, อากาศธาตุ และความว่างเปล่าในการจำแนกประเภทใหม่แทน
เครื่องหมายคำพูดและสัญลักษณ์ทั้งหมดจะต้องเขียนภายในเครื่องหมายคำพูด ("") และเรียงลำดับการเขียนตามหัวข้อ - หมายเลขลำดับ - ชื่อเรื่อง - ชื่อผู้เขียน โดยชื่อผู้เขียนสามารถละเว้นได้ หรืออาจใช้หมายเลขภายในของสถาบันวิจัย ห้ามใช้ชื่อ Byakuyakoku/Enknomiya โบราณของนักวิจัย หรือชื่อสมัยใหม่ของ Watatsumi/Narukami/Inazuman โดยเด็ดขาด
ห้ามเขียนไดอารี่ จดหมายรัก และนิยายแฟนตาซีลงในบันทึกการทดลอง

...
ความสามารถในการวิวัฒนาการของทายาทมังกรทะเล (ต่อจากนี้จะเรียกว่า Bathysmal Vishaps หรือ Vishap) เป็นสิ่งที่ทุกคนจะได้เห็น ("น้ำ - 101 - วิวัฒนาการของทายาทมังกรทะเล - I")
เราพยายามลดอุณหภูมิในพื้นที่อยู่อาศัยของ Vishap รุ่นเยาว์ที่ทนต่อความร้อนได้ มันจะอ่อนแอลงเมื่อโตเต็มวัย อาจเป็นเพราะร่างกายของมันไม่มี "เมล็ดพันธุ์" ที่สามารถรับมือกับสภาพแวดล้อมดังกล่าวได้ แต่ลูกหลานทั้งหมดของมันต่างก็มีไขมันในร่างกายสูง ชอบนอนหลับ และมีคุณสมบัติพิเศษของธาตุน้ำแข็ง (อ้างอิงจากข้อมูลการทดลองหลังข้อความหลัก ข้อมูลผิดปกติที่ได้มาจากตัวอย่างที่ 3 เกิดจากการที่ผู้ช่วยของฉันรู้สึกเห็นใจกลุ่มทดลองที่ถูกควบคุมให้อดอาหาร เลยแอบไปให้อาหารมันอย่างลับ ๆ)
ขณะนี้ได้ส่งลูกหลานของพวกมันไปยังสภาพแวดล้อมที่ร้อนอบอ้าว เมื่อโตเต็มวัยแล้วพวกมันจะเลือกคุณลักษณะการต้านทานความร้อนเช่นเดียวกับบรรพบุรุษรุ่นแรกของพวกมัน เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ปรากฏคุณลักษณะของธาตุไฟ
ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะหาข้อสรุปได้ แต่สามารถยืนยันการคาดเดาได้ว่า Bathysmal Vishap มีความสามารถในการปลุก "เมล็ดพันธุ์" ของพวกมันได้อย่างอิสระก่อนที่จะโตเต็มวัย เมื่อต้องเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่รุนแรงอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน แม่พันธุ์ของ Vishap ก็สามารถสร้าง "เมล็ดพันธุ์" ใหม่เพื่อส่งต่อไปยังลูกหลานของพวกมันได้
อาจกล่าวได้ว่าก่อนที่เราจะพบกับชาว Enkanomiya พวก Bathysmal Vishap ได้ซ่อนคลังอาวุธที่แท้จริงไว้ภายในร่างกายของพวกมันแล้ว
...

ผลลัพธ์ของการทดสอบสติปัญญานั้นน่าทึ่งมาก ("ความว่างเปล่า - 207 - การวิจัยสติปัญญาของ Vishap") การคัดกรองจะดำเนินการผ่านกลไกการลงโทษ และการให้รางวัลควบคู่กันไป (ที่จริงแล้วการวิจัยก่อนหน้านี้มีการระบุว่าการคัดกรองไม่จำเป็น Vishap แต่ละตัวต่างก็ปรับตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ) หลังจาก Vishap รุ่นที่สี่ ความสามารถในการเข้าใจภาษาของ Vishap จะเริ่มเข้าใกล้ระดับสติปัญญาของเด็กนักเรียนมนุษย์อายุ 12 ปี หรือหากจะพูดให้ชัดเจนกว่านี้ก็คือ พวก Vishap นั้นมีวิธีการสื่อสารเป็นของตัวเองอยู่แต่แรกแล้ว และสิ่งที่พวกมันแสดงออกมาตอนนี้ก็คือความสามารถในการเรียนรู้ของพวกมัน
เราเชื่อว่าการทดลองเหล่านี้ควรยุติลง ไม่อย่างนั้น เราอาจจะถูกมองว่าเป็นพวกวิสัยทัศน์คับแคบ จากการที่คนเขียนนิยายแฟนตาซีเกี่ยวกับมนุษย์ Vishap คนล่าสุดถูกไล่ออก
ตามคำทำนาย ราชามังกรน้ำจะถือกำเนิดในร่างมนุษย์ พวกเราจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นใน Enkanomiya ไม่ได้เด็ดขาด
...
ความพยายามในการปลูกถ่ายครั้งก่อนล้มเหลว ("ความว่างเปล่า - 907 - คำสั่งพิเศษของ Watatsumi Omikami - I") เนื่องจากพวกมันไม่สามารถรับเลือดของ Watatsumi Omikami ได้ ร่างกายของ Vishap จะเกิดผลข้างเคียงด้านลบต่าง ๆ ไม่แน่ว่าบางทีพวกมันอาจจะยังไม่แข็งแกร่งพอ แต่ตามแผนการวิวัฒนาการ Vishap ที่เราได้วางแผนเอาไว้ ตามทฤษฎีแล้ว เราก็ควรเพาะพันธุ์ Vishap ที่แข็งแกร่งที่สุดได้แล้วถึงจะถูก
...

การปลูกถ่ายขั้นพื้นฐานถือว่าประสบความสำเร็จ ("ความว่างเปล่า - 907 - คำสั่งพิเศษของ Watatsumi Omikami - III") การปฏิเสธแท้จริงแล้วเกิดขึ้นจากการที่ Vishap เป็นสิ่งมีชีวิตในโลกแห่งแสง (หรือที่รู้จักในชื่อสิ่งมีชีวิตธาตุ) ดังนั้นจึงขัดแย้งกับพลังแห่งโลกของ Omikami และผู้ติดตามของปะการัง

บันทึกการทดลองทั้งหมดถูกปิด การทดลองสิ้นสุดลงตรงนี้ และไม่มีทายาทมังกรทะเลตัวไหนเสียชีวิตจากการทดลอง
ขอสรรเสริญแด่ความเมตตาของท่าน Watatsumi Omikami

แสงสว่างใต้เงามืด

แสงสว่างใต้เงามืด
แสงสว่างใต้เงามืดNameแสงสว่างใต้เงามืด
Type (Ingame)ไอเทมเควสต์
FamilyBook, คอลเลกชัน Byakuyakoku
RarityRaritystrRaritystrRaritystr
Descriptionหนังสือเพื่อการเรียนรู้ที่เหมาะสำหรับเด็กอายุ 9 ถึง 12 ปี เนื่องจากอยู่ในช่วงการเปลี่ยนผ่านพิเศษ จึงได้มีการแก้ไขชื่อตามแบบ Narukami แห่ง Byakuyakoku โบราณ
ปริศนาข้อที่ 1: อะไรเอ่ยสี่เท้าในตอนเช้า สองเท้าในตอนกลางวัน สามเท้าในตอนกลางคืน?
เฉลย: Vishap ที่แปลงกายเป็นมนุษย์ไปร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ แต่ดันสะดุดล้มจนขาหัก เลยต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุงเวลาเดิน
ที่จริงแล้วบรรดานักปราชญ์ชื่นชอบคำตอบนี้มากที่สุด และบ่อยครั้งก็มีแต่เด็ก ๆ เท่านั้นที่จะตอบได้อย่างถูกต้อง สำหรับผู้ใหญ่ การที่ Vishap แปลงกายเป็นมนุษย์นั้นถือเป็นแผนลับที่น่ากลัว ตามคำทำนายโบราณ ราชามังกรแห่งธาตุน้ำนั้นจะต้องกลับมาเกิดใหม่ในร่างมนุษย์อย่างแน่นอน แต่สำหรับเด็กแล้ว กลับเป็นการเผยให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการเข้าใจซึ่งกันและกัน
แต่การทำให้ Vishap ดูน่ารักแบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน แม้ว่ามันจะขจัดความกลัว แต่ก็ทำให้พวกเด็ก ๆ สูญเสียการระแวดระวังตัวไปด้วยเช่นกัน
(ทายาทมังกรทะเลได้วิวัฒนาการเป็นธาตุอื่น ๆ จึงสูญเสียความบริสุทธิ์ของพวกมันไป พวกมันจะไม่มีราชามังกรถือกำเนิดจากกลุ่มของพวกมันอีกต่อไปแล้ว)

ปริศนาข้อที่ 2: สิ่งนี้มีแค่ปากเดียว แต่กลับมีสี่เท้า สองเท้า และสามเท้า อะไรเอ่ยที่ขาดทักษะในการแปลงร่างเป็นอื่น แต่กลับสามารถค้นพบผืนดิน ทะเล และท้องฟ้า อะไรเอ่ยที่ยิ่งใช้ขาเดินมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งอ่อนแรงลงเท่านั้น?
เฉลย: มนุษย์
มนุษย์ยามทารกนั้นคลานสี่เท้า พอโตขึ้นก็จะเริ่มเดินด้วยสองเท้า และพอแก่ชราก็ต้องใช้ไม้ค้ำยัน คำตอบของคำถามคลาสสิกนี้จะต้องเป็นมนุษย์แน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย

ปริศนาข้อที่ 3: อะไรเอ่ยที่มีแค่ปากเดียว แต่กลับมีสี่เท้าและสองเท้า
เฉลย: ชีวิตของปศุสัตว์
ปริศนานี้เป็นปริศนาที่เก่าแก่มาก เมื่อก่อนเราเข้าใจความหมายของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จากการอ่านตำราเท่านั้น "สี่เท้า" หมายถึงสัตว์สี่เท้าเช่น Aux, Hors และ Foreste Bore หลังจากที่ Byakuyakoku พังทลายและร่วงหล่น สัตว์เหล่านี้จึงตายไปในสองชั่วอายุของมัน เนื่องจากสภาพแวดล้อมและอาหารที่ขาดแคลน
ในช่วงเวลาตั้งแต่การมาถึงของ Watatsumi Omikami ได้มีผู้คนบางส่วนไปที่เหนือผืนทะเลเพื่อสร้างที่อยู่อาศัย และแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ดังนั้นเราจึงสามารถสำรวจและพิสูจน์ชื่อสามัญของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ได้ ตามคำทำนายของนักบวชและท่าน Omikami ไม่ช้าก็เร็ว พวกเราทุกคนจะได้ขึ้นไปอยู่เหนือผืนทะเล ดังนั้นการแก้ไขชื่อให้ถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง
"Aux" หมายถึงวัวควาย, "Hors" หมายถึงม้า และ "Foreste Bore" หมายถึงหมูป่า

ปริศนาข้อที่ 4: มีสองพี่น้องคู่หนึ่ง พวกเธอจะให้กำเนิดกันและกันออกมาทุกวัน พวกเธอคือใครกันนะ?
เฉลย: กลางวันและกลางคืน หรือ ราตรีสีขาวและราตรีนิรันดร์
ปริศนานี้เข้าใจได้ง่ายมาก วันคืนผลัดเปลี่ยนหมุนเวียน ส่วนที่ Byakuyakoku ก็เป็นราตรีสีขาวและราตรีนิรันดร์ของ Dainichi Mikoshi ถึงแม้ก่อนหน้าที่ Dainichi Mikoshi จะออกแบบเสร็จสมบูรณ์ จะมีเพียงราตรีนิรันดร์ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแสงในยามกลางวันที่ผู้คนเคยพบเห็น
อย่างไรก็ตาม ชื่อแรกเริ่มของปรากฏการณ์ภาพมายาพิเศษใน Byakuyakoku และเงาบาปนั้นต่างก็ถูกเรียกว่า "Eidolons" เพราะผู้คนเชื่อกันว่าคุณลักษณะพื้นฐานของทั้งสองอย่างนั้นเหมือนกัน ต่อมาด้วยการมาถึงของ Watatsumi Omikami ทำให้ผู้คนเริ่มเข้าใจปรากฏการณ์ทั้งสอง และเริ่มตั้งชื่อให้แตกต่างกัน แม้จะไม่มีกลางวัน แต่ภาพมายาที่ปรากฏในราตรีสีขาวก็ยังถูกเรียกว่า "Sunfire Phantasm" ส่วนในราตรีนิรันดร์จะถูกเรียกว่า "Ghostfire Phantasm" เมื่อเวลาผ่านไป ทั้งสองอย่างจึงถูกเรียกรวมกันว่า "Sunfire Phantasm" เนื่องจากโดยหลักพื้นฐานแล้วทั้งสองอย่างคือสิ่งเดียวกัน

ปริศนาข้อที่ 5: ฉันคือทายาทแห่งความมืดมิด ผู้เป็นบิดาแห่งแสงสว่าง ฉันคือนกที่ไร้ปีก บินขึ้นจากพื้นดินสู่ท้องฟ้า ผู้ที่หลั่งน้ำตาเมื่อเห็นฉันไม่ได้มาจากความเศร้าโศก เมื่อสายลมอ่อนพัดมา ฉันที่เพิ่งเกิดมาก็พลันมลายหายไป
เฉลย: คำตอบคือควัน นกคือสิ่งมีชีวิตที่มีปีกและบินได้ จึงเป็นเรื่องปกติที่จะไม่เคยพบเห็นพวกมันใน Enkanomiya

ปริศนาข้อที่ 6: บิดาคนหนึ่งมีบุตร 12 คน บุตรแต่ละคนต่างก็มีบุตรสาวที่รูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไป 60 คน บุตรสาวเหล่านั้นมีทั้งผิวขาวและผิวดำ วนเวียนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครอบครัวของพวกเขานั้นเป็นอมตะ แต่จะค่อย ๆ เหี่ยวเฉาลง แล้วใครกันที่เป็นบิดา?
เฉลย: คำตอบก็คือ "ปี" หลานสาวผิวขาวและดำ 60 คน อาจจะทำให้ชาว Byakuyakoku สับสนอยู่บ้าง แต่หากเข้าใจปริศนาข้อที่ 4 แล้ว ก็จะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร
ในสมัยโบราณเคยมีภาคต่อของปริศนานี้ ความหมายโดยประมาณก็คือ หลานสาวแต่ละคนต่างก็มีบุตรอีกคนละ 12 คน บุตรของมารดาแต่ละคนต่างก็คลอดหลานออกมาอีกคนละ 60 คน หลานทั้งหมดเองก็มีบุตรของตัวเองอีกคนละ 60 คน และบุตรแต่ละคนก็มีบุตรหลานของตัวเองอีก จนในท้ายที่สุด บุตรหลานทั้งหมดก็ได้ร่วมกันให้กำเนิดบุตรคนแรก และคนเดียว บุตรหลานคนนั้นก็คือ Tokoyo Ookami หรือก็คือ มารดาของทั้ง 14 พันล้าน "ปี"
Watatsumi Omikami ห้ามมิให้มีการเผยแพร่ปริศนาเหล่านี้

...

"ภาคผนวก" - บุคคลในประวัติศาสตร์, ชื่อดั้งเดิมของพวกเขา - ชื่อที่ถูกแก้ไขในแบบ Narukami

Kairos - Tokoyo Ookami
...Eris - Arisu
Abrax - Aberaku
Charon - Ka...
Spartacus - Supada
Emma - Ema
... - Koi
Antigone, Antigonus - Antei
...
...
Erebos, Erebus - Eboshi
Echion - Eki
Udaeus ... - Uda
Asclepius - Surepio
...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

TopButton